Last updated: 3 Apr 2022 | 416 Views |
ไหนๆ ก็พอมีเวลาว่างแล้ว เลยอยากเขียนเล่าประสบการณ์การไปเที่ยว Iceland ประเทศในฝันของเรา แบบลุยเดี่ยวเป็นครั้งแรก! (คือประเทศนี้อยู่ใน Bucket list ตั้งแต่ปี 2014 ) จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ
ตอนจะกดจองตั๋วคิดวนไปมาหลายรอบมาก ว่าจะไปดีมั้ย แต่ด้วยความที่อยากไปดูแสงเหนือกับวิวสวยๆ มากกก ทำให้เรากลั้นใจกดจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และ Local Tour ไปตั้งแต่ตอนเดือน ก.ค.
แต่ระหว่างทางดันเจออุปสรรคเยอะมากที่ทำให้เกือบไม่ได้ไป ไม่ว่าจะเป็น Flight Canceled, Local tour canceled, และ Travel restriction หลายอย่าง แต่ด้วยความอยากเที่ยวอันแรงกล้า และคิดว่าถ้าไม่ไปตอนนี้ อนาคตก็ไม่รู้จะได้มีโอกาสไปอีกมั้ย ทำให้เราได้มาจนได้ เย่
ตอนมาถึงสนามบินกังวลมาก เพราะจะต้องโดนตรวจ COVID-19 ทั้งทางคอและทางจมูกตั้ง 2 รอบ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดี หลังจากผ่าน screening process ทั้งหมดแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางได้
ลืมบอกว่าเราเปลี่ยนจากจอง Local tour แบบกลุ่มใหญ่มาเป็น small group tour แทน เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เลยทำให้ออกทัวร์ยากขึ้น แต่เรามองว่าก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ถ่ายรูปได้ง่ายๆ แบบไม่มี photobomb 5555 โชคดีที่เราได้ไกด์ที่ใจดีมาก เป็นคุณลุงอายุประมาณ 60 เขาเล่าประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับประเทศ Iceland และสถานที่ต่างๆ ที่เราไปแบบละเอียดยิบ ทำให้การไปเที่ยวของเราครั้งนี้มีสาระมากขึ้น การเที่ยวก็คือการเรียนรู้นะเออ
ต่อไปเราจะเล่าโปรแกรมของแต่ละวันนะ เผื่อมีใครสนใจอยากไป เราจอง Local tour ของบริษัท Gray Line โรงแรมที่เราอยู่ตลอดทริปคือ Hilton Reykjavik Nordica ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Tour ทั้ง 3 วัน
วันที่ 1 - Golden Circle Tour
Pingvellir National Park, Gullfoss water fall, Geysir Spring, Faxi waterfall, Kerid Lake
วันที่ 2 - South Coast & Black Sand Beach Tour (เป็นวันที่เราตื่นเต้นมากกก เพราะยังไม่เคยไปชายหาดที่ทรายเป็นสีดำมาก่อน)
Skogafoss waterfall, Seljalandfoss waterfall, Black sand beach
วันที่ 3 - Snaefellsnes Peninsula
Snaefellsnes National Park, Arnarstapi, Mt. Kirkjufell, Djupalonssandur beach
ตอนแรกเรากังวลว่าเที่ยวคนเดียวจะเหงามั้ย ใครจะถ่ายรูปให้ ถ้าเจอปัญหาจะทำยังไงล่ะ เพราะ Iceland ก็ไม่ได้จัดว่าเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย (ในความคิดเรา) แต่เอาเข้าจริงคือมันสนุกมากกกก รูปส่วนใหญ่ที่เราถ่ายมาก็เป็นรูปวิว สัตว์ สิ่งของ 5555 ส่วนวิวไหนที่เราอยากเข้าไปอยู่ในรูป ก็ใช้ tripod และเชื่อมสัญญาณกล้องกับมือถือ ให้เราสามารถกดชัตเตอร์ในมือถือได้ เป็นอันจบ ไม่ได้ยุ่งยากเลย และเราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับคน Local มากขึ้น เพราะปกติถ้าไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม เราก็จะไม่ค่อยได้ make friend กับคนใหม่ๆ เท่าไหร่ (เขินน่ะ )
เราประทับใจในทุกที่ที่ได้ไป มันสวยมากจริงๆ แบบดีใจที่ชีวิตนี้ได้มาเห็นกับตาเองซักครั้ง มีที่นึงที่พอได้ไปละมันสวยมาก เราเลยกระโดดตื่นเต้นอยู่คนเดียว 5555 ภูมิใจที่ได้ทดสอบความกล้า (และบ้า) ของตัวเอง ได้ท้าทายทำอะไรใหม่ๆ ทั้งปีนเขา ลุยน้ำ ทนหนาวทนลมแบบไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายอย่างที่เราต้องเจอ หลายอย่างที่มันดูยาก แต่ถ้าใจเราได้ มันก็ได้จริงๆ นะ
อีกอย่างที่เราประทับใจคือคุณภาพชีวิตที่ดีของคน Iceland จากที่ลองสังเกตดู ถนนทุกเส้นไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน คือเนียนกริ๊บ, ทั้งประเทศมีประชากรแค่ 350,000 คน (แต่พื้นที่ใหญ่พอๆ กับประเทศอังกฤษ) ทำให้การจัดการทรัพยากรต่างๆ ค่อนข้างดีมาก เช่นเรื่องสาธารณสุขและระบบการศึกษา แต่ลุงไกด์บอกว่าภาษีและค่าครองชีพก็แพงมากจริงๆ
ถ้าเป็นไปได้เราอยากกลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งตอนหน้าหนาว (แต่ขนาดฤดูใบไม้ร่วงก็หนาวจะแย่แล้ว ) หวังว่าซักวันเราจะได้เจอกันอีก อยากขอบคุณความกล้าของตัวเองที่ทำให้เราได้มาเห็นวิวที่สวยที่สุดในชีวิต
ปล. ความเสียดายเดียวของทริปนี้คือยังไม่มีเวลาไปดูแสงเหนือ ทั้งที่อุตส่าห์ซื้อ Tripod มาเพื่อสิ่งนี้...รอโอกาสหน้าเนอะ
มาย
12092020.
18 Feb 2025
18 Feb 2025
10 Jul 2022