Last updated: 3 Apr 2022 | 564 Views |
1. แรงบันดาลใจและประสบการณ์จากการดำน้ำ
ตั้งแต่ที่ได้บัตรดำน้ำมา สิ่งนึงที่เป็น bucket list สำหรับปี 2021 ของเราคือการออกทริป Liveaboard แบบกินนอนบนเรือ ตื่นมาก็กระโดดลงน้ำได้เลย! พอได้โอกาสลาหยุดช่วงปีใหม่ เลยตัดสินใจจองทริป 6 วัน 5 คืนแบบไม่ปรึกษาใคร 55555 จุดหมายคือเกาะสิมิลันกับหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เพราะเราอยากไปดำน้ำที่อันดามันเหนือมานานแล้ว และได้ข่าวว่าแถวนี้เจอน้องจุด (ฉลามวาฬ) บ่อยมากกก >__<
ช่วงใกล้ๆ ทริปเราตื่นเต้นมากกกก เพราะไม่เคยออกทริป Liveaboard (แถมไปแบบฉายเดี่ยว) มาก่อน ทุกอย่างมันแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นไปหมด อุปกรณ์ดำน้ำแรกที่เราซื้อไม่ใช่หน้ากากหรือฟินเหมือนคนอื่น แต่คือกล้อง Olympus TG6 ที่ถ่ายใต้น้ำได้ลึกถึง 50 เมตร เพราะสำหรับเราการได้ถ่ายรูปสวยๆ ใต้ทะเลทำให้การดำน้ำของเราสนุกมากขึ้น
วันแรกบนเรือเราตื่นเต้นสุดๆ เพราะเพื่อนร่วมทริปมีทั้ง Dive Instructor, Dive Master (เป็นคนอเมริกา) ที่มีประสบการณ์ดำน้ำมาตั้งแต่ก่อนเราเกิดซะอีก และมีคนอื่นอีกหลายคนที่ได้บัตรดำน้ำแบบ Advanced กันแล้ว แต่ละคนเคยดำน้ำมามากกว่า 100+ Dives เราเลยกลายเป็น Beginner น้อยที่ตอนนี้มีแค่ 23 Dives เท่านั้น เลยบอกกับครู Dive Lead ว่า “ฝากตัวด้วยนะคะ หนูยังใหม่มากค่ะ” โชคดีที่ครูและทุกคนในทริปใจดีและเข้าใจเรา บอกว่าก่อนทุกคนจะเก่งก็ต้องผ่านจุดนี้มาก่อนทั้งนั้น ^__^
ตลอด 6 วันนี้เราได้ไป Dive Site ที่สวยมากทั้งหมด 13 ที่ มีทั้งเกาะบอน เกาะตาชัย หมู่เกาะสุรินทร์ ริเชลิว จุดดำน้ำเรือจม เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับน้องสัตว์น้ำใต้ทะเลใหม่ๆ ที่เกิดมาไม่เคยเห็นมาก่อนหลายอย่าง ทุกครั้งที่เราเจอน้องหน้าตาแปลกๆ เราจะถ่ายรูปละขึ้นมาถามครู ว่าน้องชื่อว่าอะไรกันบ้าง หรือบางทีก็เปิดหนังสือ Sea Animals ที่คนบนเรือแบ่งให้อ่าน น้องที่เราเจอตอนดำน้ำและรู้สึกประทับใจก็มี ปลาไหลมอเรย์ ปลากระเบนจุด เต่าทะเล งูทะเล ปลาสิงโต ปลาการ์ตูน หมึกกระดอง และเจ้าตัวเล็กนูดี้ที่น่ารักมากๆ
นอกจากดำน้ำดูปะการังและน้องสัตว์น้ำแล้ว เรายังได้ดำน้ำดูพิพิธภัณฑ์ใต้ทะเล ที่มีซากเรือจม รถบรรทุก มอเตอร์ไซค์ (ได้ขึ้นไปขี่ด้วย 5555) ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ตอนแรกคิดว่าจะไม่อิน เพราะส่วนตัวชอบดูปะการังสีสวยๆ กับปลานีโมอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ความจริงแล้วเรือจมกับรถบรรทุกพวกนี้มีความพิเศษ เพราะตามพื้นผิวทั้งหมดจะมีปะการังสีสดใสและสัตว์น้ำหลายอย่างมาอยู่รอบๆ ความสวยงามไม่ต่างจาก Dive Site ตามธรรมชาติเลย งานนี้เราก็ถ่ายรูปกับวีดีโอมารัวๆ อีกเหมือนเดิม
Dive แรกของทริปนี้เราก็เจอเรื่องยากแล้ว เพราะเรายังเป็นมือใหม่ สกิล Buoyancy เลยยังไม่แข็งพอ ทำให้ตอนขึ้นมาระดับ 10 เมตรควบคุมระดับตัวเองไม่ได้ ตัวลอยขึ้นมาถึงผิวน้ำภายในเวลาไม่กี่วินาที (อันตราย) แล้วยังเกือบหลงกับกลุ่มด้วย แล้วก็แรกๆ ตอนทำ Safety Stop ที่ระดับ 5 เมตร ก็รักษาระดับไว้ไม่ได้อีกทำให้รู้สึกเหมือนตัวจะลอยขึ้นมาตลอดเวลา หลังจากจบ Dive 2 ครูเลยสอนวิธีการพัฒนาทักษะ Buoyancy และการกำหนดลมหายใจ รวมถึงวิธีเตะขาและการทรงตัวใต้น้ำที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการสอนที่มีประโยชน์มากๆ เราจะเอาความรู้นี้ไปใช้กับทริปถัดไป ดีใจที่ได้ครูที่ใจเย็น ใจดีและเอาใจใส่มากขนาดนี้
วันถัดไปครูเริ่มชมว่าเรารักษาระดับของตัวเองได้เนียนมากขึ้น ทำให้ครูไม่เป็นห่วงเรามากเท่าตอนแรกแล้ว และวันสุดท้ายครูบอกว่าเราพัฒนากว่าวันแรกแบบมากๆๆๆๆ (อดภูมิใจไม่ได้จริงๆ อิอิ) นอกจากเรื่องสกิลที่ว่ามา เรายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทเวลาดำน้ำ และอื่นๆ อีกหลายอย่าง เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้แค่อยากดำน้ำเอาสนุกๆ ให้ได้รูปสวยๆ ก็พออีกต่อไป แต่เราอยากพัฒนาทักษะตัวเองให้ดีขึ้น ให้คนรอบข้างไม่ต้องเป็นห่วง และมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองและคนในกลุ่มด้วย
2. การมาออกทริปกลางทะเลคนเดียว
อย่างที่หลายคนรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนที่ชอบการเที่ยวคนเดียว เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ได้ตัดสินใจตามความรู้สึกของตัวเองแบบ 100% และทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่ทุกครั้งที่เราบอกคนอื่น ว่าเราจะออกทริป Liveaboard คนเดียว ไม่ว่าจะบอกเพื่อน คนที่ทำงาน หรือบอกคนในทริป ทุกคนจะมีสีหน้าที่อึ้งและชมว่า “โห เก่งจังเลย เป็นผู้หญิงแล้วมาคนเดียวด้วย” ซึ่งความจริงจะบอกว่าการเป็น Female solo traveller ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ไม่ใช่เรื่องกล้าหาญอะไร 5555 แค่ต้องมีการวางแผนมาพอสมควรเพื่อความปลอดภัยของเราเอง และจะบอกว่าในทริปมีเพื่อนๆ พี่ๆ ผู้หญิงที่มาคนเดียวถึง 4 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ในทริปทุกคนน่ารัก เราได้เพื่อนใหม่มาหลายคน มีทั้งคนไทย อเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ แต่ละคนมีประสบการณ์ดำน้ำที่น่าสนใจมาก การได้พูดคุยกับเพื่อนในทริปทำให้เรามีแรงบันดาลใจและรู้สึกสนุกกับการดำน้ำมากขึ้น เราได้คุยกับคนที่เคยดำน้ำมาแล้วทั่วโลก คนที่เคยดำน้ำในถ้ำ หรือเพื่อนคนที่เป็น Rescue Diver แต่ละคนเก่งๆ กันทั้งนั้น เวลาได้อยู่ใกล้คนที่มี Passion คล้ายๆ กับเราเป็นการเสริมพลังงานบวกกับเราอย่างดีเยี่ยมเลยแหละ
3. ชีวิตบนเรือ
คืนแรกในชีวิตที่ต้องนอนบนเรือ เราถามตัวเองเลยว่า นี่ฉันคิดผิดรึเปล่าเนี่ย 5555 เพราะเรือโคลงเคลงตลอดเวลาจนนอนไม่หลับแทบทั้งคืน เมาเรือ แล้วมีแค่ห้องน้ำรวมด้วย ซึ่งก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านหรือโรงแรม แต่ก็เตรียมใจมาแล้ว ว่าการมาอยู่บนเรือมันก็จะเป็นประสบการณ์อีกแบบแหละ แต่พอคืนถัดๆ ไปเท่านั้น หลับเป็นตายทุกคืน แถมนอนกลางวันเกือบทุกวันด้วย 5555 เพราะเหนื่อยจากการดำน้ำแบบมากกก แล้วก็ชินกับการกินนอนบนเรือไปแล้วด้วย วันแรกที่ตื่นมา เปิดหน้าต่างออกไปก็เจอว่าเราอยู่ที่เกาะสิมิลันแล้ว วิวสวยเกินบรรยาย ตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มแฮปปี้กับการใช้ชีวิตบนเรือแล้ว (ขณะที่เขียนตอนนี้เราก็อยู่บนเรือตลอดเวลามาเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว) การออกไปอยู่กลางทะเลแบบไม่ค่อยมีอินเทอร์เน็ต ทำให้เราได้หยุดพัก เรารู้สึกเครียดน้อยลง ก็รู้สึกดีไปอีกแบบเพราะปกติเป็นคนติดมือถือมาก
อาหารบนเรือนี้ก็อร่อยมากกกๆ ทุกมื้อคือดี มีทั้งส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวคลุกกะปิ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ หมูสะเต๊ะ ฯลฯ เรียกได้ว่ากินจนอิ่มสุดๆ ทุกมื้อเลย ต้องขอบคุณพี่แม่ครัวที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเราได้กิน หลังจากดำน้ำมาเหนื่อยๆ โดยเฉพาะในวันฉลองปีใหม่ที่พวกเราได้มีปาร์ตี้บาร์บีคิวแบบอร่อยและสนุกสุดๆ ก่อนเวลา Count Down
4. สรุป
ช่วงเวลาบนเรือเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากๆๆๆ ได้ทั้งความสุขจากโลกใต้น้ำ มิตรภาพ และความรู้ใหม่ๆ จากเพื่อนในทริป แถมยังได้ฉลองปีใหม่กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันด้วย! นี่เป็นทริป Liveaboard ครั้งแรก แต่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน เป้าหมายตอนนี้คือจะสอบดำน้ำให้ผ่านระดับ Advanced และมาทริปแบบนี้อีกให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสะสมประสบการณ์ให้ถึง 100 Dives ไวๆ
เราได้รูปโลกใต้ทะเลมาเยอะเลย แต่เป็นครั้งแรกที่ใช้กล้องอันนี้ เลยสวยบ้างไม่สวยบ้าง ก็ไม่เป็นไรเนอะ โอกาสหน้ายังมี ทริปนี้ยังไม่เจอน้องจุดกับแมนต้าเลย แต่เชื่อว่าซักวันเราต้องมีโอกาสได้เจอกันแน่นอน
มาย
2 Jan 2022
3 Apr 2022
10 Jul 2022